Translate

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Ai no Kotoba mo Shiranaide-ch3 v1(2)








































สวัสดีดีอื้อค่ะ! 

นิสัยการแปลการ์ตูนของป้า ค่อนข้าง เรียกได้ว่า เกรียนบ้าง 

แบบว่า แปลตามอารมณ์ตัวเองล้วนๆ ไม่รู้ผิดไหม ก็ feeling มันเป็นอย่างนี้

อุ๊บ น่าอาย แต่บอกไว้ก่อนค่ะ ครั่กๆ

ขอนอกประเด็นแป้บค่ะ  ใครเป็นแฟนการ์ตูนเรื่อง Attack on titan บ้าง

ป้าไปเจอไอ้นี่มา  บั่บว่า...



ฮาจนเ-ี่ยวเล็ด 




อ่านการ์ตูนดีกว่าเถอะ






























ผมหมายถึง ผมจะเครมพี่ตะเองล่ะฮับ






การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดจริงๆค่ะ  โดนไปหนึ่งดร๊วบ!






เค้า love ตะเองนะ จะบุ๊ๆๆๆๆ






อย่างนี้นี่เอง ตั้งแต่วันนี้ ถ้ายิ้มตลอดเวลา จะมีคนมาสนป้าบ้างไหมเนี่ย (คิดว่าไม่)

















อู้สสสสส~  ว่าแล้วงัย  โอ๊ย ผช. สมัยเน้ อย่าไปเชื่อค่ะ บางคนปากหวาน ออดอ้อน บอกว่าจะกอดเฉยๆ แต่มือนี่ลูบไปทั่ว จมูกนี่ไซร้... อึ๊ยยย นี่เราพูดอะไรออกมาอ่ะ(ไม่ได้มาจากประสบการณ์อะไรหรอกนะ 555)






สารภาพปุ๊บ  กางเกงหลุดปั๊บ เลยนะเค่อะ






อิตาพระเอกนี่ ดูจะเชี่ยวมากเลยอ่ะ ออกจะหน่อมแน้ม




ป้าว่าอิตาพระเอกดูหนังญี่ปุ่นมากไป ชัวร์ (หนังอาราย555)














ไอคำว่า งั้นเหรอ ป้าถามตัวเองตะหาก555 แปลถูกป่าวเนี่ย




ติดตามตอนเถอะต่อไปค่ะ 
















วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Ai no Kotoba mo Shiranaide-ch3 v1(1)


Yo! what's new!?

สำหรับงานแปลนี้ เป็นเรื่องส่วนหนึ่งในงาน Ai no Kotoba mo Shiranaide

ค่ะ แต่อารมณ์ป้าอยากแปลเรื่องนี้ก่อน  ส่วน ch แรกๆ ป้าว่าสามารถหาอ่าน

ได้ตามเว็บอื่น  และนี่ถือเป็นงานแปลแรกๆของป้าเลย อาจจะไม่สันทัดเรื่อง

ถ้อยคำมาเขียน แปลไม่เป๊ะ แต่ก็เป็นงานที่ป้าตั้งใจมากๆ ถือเป็นก้าวแรก

เลยทีเดียวขอให้เอนจอยกับการอ่านนะฮ๊าาา





















ก้านคอมันเลยค่ะลูก






นี่มัน พล็อตการ์ตูน ผญ ชัดๆเลยฮ่ะ







อย่าคิดมากค่ะลูก
























ว๊ายตาเถร อย่าทะเลาะกันค่ะ ดีๆกันไว้เซ่เว้ย(?












ป้าพิมผิดอ่า ไอช่องว่างๆความจริงต้องพูดว่า ลูกอยากได้โอนิซังมาตลอดเลยนี่ ประมาณเน้



ดันเกิดเป็นลูกคนแรก ยังไงก็อดมีพี่อยู่แล้วฮ่ะ ลูกนี่อยากได้อะไีรยากๆจุงเลย



เวรกรรมจริงๆค่ะลูก อุตส่ามีน้องชาย มันก็ดันซึนซะอีก ลำบากหาตะแกรงมางัดปาก







จบไปแล้วของครึ่งของครึ่งของครึ่งเรื่องเน้

ตอนต่อไปจะมาอัพใหม่ภายหลังค๊าาาา





















วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตำนานเลือด(กรุ๊ป Y) I




ชื่อหนังสือ : ตำนานเลือด Interview with the vampire 
ผู้เขียน      : Anne Rice
ผู้แปล       : ชนาธิป  สินธวาชีวะ
สำนักพิมพ์: วันวิสาข์

        ดูจากรูปที่บ่งบอกสภาพหนังสือได้ดีว่าผ่านมาประมาณ 20 ปี ป้าอยากบอกว่าเป็นหนังสือที่หายากจิงๆ แต่ไม่เกินพยายาม เนื่องจากว่างๆไม่มีอะไรทำ จึงค้นหาหนังสือเล่มนี้ถึงสองวันกว่าจะเจอว่ามันประกาศขายในเว็บที่ไม่โดดเด่นอะไรเลย ตอนนั้นน้ำตาจะไหลเลยค่ะ ผลของความพยายามช่างหอมหวาน
         หลายๆคนมีนิยามเรื่องแวมไพร์ต่างๆกันไปค่ะ ส่วนตัวป้าเองก็เพิ่งจะมีแนวคิดกับสิ่งมีชีวิตอมตะ จากเรื่อง ตำนานเลือด หรือ Interview with the vampire  ของป้าแอน(Anne Rice)ในสมัยสาวเช้งกระแด๊ะ เนื้อเรื่องค่อนข้างจะคลาสสิกบ่งบอกความมีระดับของแวมไพร์  เรื่องมันเริ่มจากชายหนุ่มรูปนามชื่อ หลุยส์ที่ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์โดยเลอสตัท เป็นการเล่าความรู้สึกการเปลี่ยนแปลงจากคนธรรมดา มีที่ดิน เป็นเศรษฐี มีครอบครัว(แม่ น้องสาว น้องชาย(แต่เสียชีวิตแล้ว)) มีชีวิตสะดวกสบาย จนกลายเป็นผีดูดเลือดที่ก้าวเข้าสู่การดำรงชีวิตในความมืด ต้องกินเลือดจากมนุษย์ หรือ สัตว์ เพื่อให้ร่างกายอมตะที่เยือกเย็นได้อบอุ่นจากการหล่อเลี้ยงของเลือด จากเรื่องกล่าวว่า การจะสร้างแวมไพร์ตนหนึ่งจำเป็นต้องมีร่างกายที่เติบโตพอเพื่อที่จะมีอำนาจในขณะที่เป็นแวมไพร์  แต่การเลือกคนธรรมดาๆนั้น ป้าอ่านแล้วตีความว่า อย่างน้อยต้องเกิดจากความรักที่มีให้อีกฝ่าย หรือมีต่อกันและกัน ความรักของแวมไพร์ดูเหมือนจะก้าวข้ามคำว่า เพศ(ถูกใจสาววายล่ะเซ่) แต่อย่างระหว่างเลอสตัทกับหลุยส์  ป้าไม่เห็นว่าอีตาเลอสตัทจะแสดงท่าทีว่ารักหลุยส์ เห็นแต่ตอนดึงเขาไปกอดแล้วหลอกดูดเลือดตอนที่หลุยส์ยังไม่เป็นแวมไพร์ แล้วยังบังคับกลายๆ อยากจะใช้ทรัพย์สินของหลุยส์ ชอบพูดจาข่มขู่ว่าหลุยส์ไม่มีทางอยู่ได้ถ้าไม่มีตัวเองคอยสอนเรื่องต่างๆ  พยายามรั้งหลุยส์ให้อยู่กับตนถึงกับสร้างคลอเดีย(แวมไพร์เด็กผู้หญิง)ขึ้นมาเพื่อเล่นเป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ตามความสนุกของตน ซึ่งตอนเนื้อเรื่องหลัง อาร์มานด์ (สุดที่เลิฟของ.... (?)) แวมไพร์ที่มีอายุมากที่สุดที่มีกล่าวว่า แวมไพร์อย่างคลอเดียในโลกของผีดูดเลือดถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติและค่อนข้างโหดร้ายที่สร้างเธอขึ้นมา หลังจากที่คลอเดียกำเนิด เวลาผ่านไปทำให้คลอเดียที่จิตใจโตเป็นผู้ใหญ่แต่ถูกกักขังในร่างเด็กหลงรักหลุยส์  ในขณะเดียวกับที่นางเริ่มรู้สึกแค้น เคือง เกลียด โกรธา เลอสตัทที่ทำให้นางต้องเป็นเด็ก พอดีว่านางอยากสาวมาก(นางเหวี่ยงเสียจนป้าเห็นใจต่อเลอสตัทว่า เมิง_พลาด_แล้ว ก๊ากกก) ขณะนั้นเรียกได้ว่าครอบครัวร้าวฉานเลยทีเดียวเข้าสูตรว่า ลูกไม่รักดี เมียไม่ได้ดั่งใจ ไปหาเมียน้อยที่คาเฟ่(?)ดีกว่า แบบว่าเลอสตัทไปติดใจหนุ่มน้อยนักกวีวี้วีอะไรสักอย่าง(พอดีเลอสตัทมันเป็นคนสุนทรี)แล้วสร้างให้หนุ่มน้อยเป็นแวมไพร์ มีการว่าพูดตอกใส่หลุยส์ด้วยประมาณว่ามีคนที่ฉันจะอยู่ด้วยได้แล้ว พวกเธอมันน่าเบื่อ ต่อมาคลอเดีย นางเลยจัดให้ทันใจทีเดียว นางวางแผนฆ่าเลอสตัทสำเร็จ ฉากนี้ป้ารู้สึกตะหงิดใจที่ตอนเลอสตัทถูกทำร้ายสาหัส เอาแต่เรียกหาหลุยส์  หรือเลอสตัทจะเป็นพวกซึนเดเระ  อันนี้ไม่รู้  หลังจากนั้นคลอเดียกับหลุยส์ก็เดินทางตามหาแวมไพร์  มีเกิดเรื่องวุ่นวายอุตหลุดกันไปเลย เฮ้! อันนี้ป้าขอข้ามไปฉากโรงละครของผีดูดเลือด เป็นต้นไป ป้าแอนจะพาเราเข้าสู่สังคมมืดของแวมไพร์ของแท้  ฉากที่หลุยส์เจอกับอาร์มานด์ ป้าว่าป้าแอนเขียนได้อีโรติกมากอ่ะ มีความรู้สึกวาบวาม คันๆ ที่อ่านฉากนั้น แถมพ่อคุณอาร์มานด์สุดเซ็กซี่ขยี้ฟองเบียร์ยังนิสัยเสีย ใช้ฟีโรโมน(ไม่ใช่หรอก 555)ดึงดูดหลุยส์จนเสียการควบคุม ดั่งเช่นฉากนี้


 หรือว่าจะ....



พอเจอฉากแบบนี้ ป้าตะโกนในใจดังๆว่า(ขอหยาบคาย) ฮ่่าาาาาา แม่งใช่เลยว่ะ  กรูมาถูกทางแล้ว

แถมคลอเดียนางยังดูออกด้วยนะเออว่าอาร์มานด์ รักหลุยส์ แล้วยิ่งไปกว่านั้นหลุยส์ยังรู้สึกอย่างเดียวกัน นางสาวน้อยคลอเดียจึงน้อยใจขอให้หลุยส์สร้างหม่ามี้มาเดอลีนไม่ให้นางเหงาขึ้นมา หลังจากนั้นหลุยส์ก็ถูกแรงเสน่หาของอาร์มานด์ให้ไปหา (ครั่กๆ) และแล้วฉากที่แสนฮกกกกกกกกกก(?)ก็มาถึง ตอนที่อาร์มานด์พูดกับหลุยส์ว่า
หลุยส์ก็เป็นหนักนะฮะ คิดไปไกลโข




สารภาพแบบเนียนๆเลยนะ





ป้าแอนโคตรเซอวิสสาววายมากฮ่ะ โฮกกกกกกกก มากกกก 
good job!

แล้วเจอกันใหม่ในภาค II ค่ะ see ya!







วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

หากไม่อยากให้ลูกหลานเห็นคณิตเป็นปีศาจ


นี่คือหน้าตาของหนังสือ อายุก็ประมาณสิบขวบได้ รอดจากปลวกบ้านป้ามาได้ไงไม่ทราบ

ชื่อหนังสือ :  ปีศาจตัวเลข


ผู้เขียน : Hans Magnus Enzensberger

สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์



       เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตได้ที่อ่านค่ะ(แต่ก่อนอ่านแค่การ์ตูนตาแป๋ว) พี่ชายเป็นคนซื้อให้ ความจริงมีที่มา คือ ตอนประถมป้าโดนกักตัว(ประมาณนั้นเลย)ไปติวคณิตศาสตร์เพื่อสอบแข่งขัน การติวที่หนักเกินไปสำหรับเรา ทำให้เราร้องไห้ เกลียดคณิตและเก็บไปฝันค่ะ พอพี่ชายรู้เรื่องผ่านพ่อแม่ เค้่าก็ส่งหนังสือมาให้เล่มหนึ่ง ชื่อว่า ปีศาจตัวเลข ขอบอกเลยว่าความรู้สึกแรกที่เห็นชื่อเรื่องก็ไม่อยากอ่านแล้ว แต่พี่ขอร้องให้อ่าน เค้าบอกว่าเกลียดครูก็เกลียดไป แต่อย่าเกลียดคณิตเลย ป้าก็ทำใจอ่านไปงั้นๆ ตอนนี้จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้(ผ่านมาเกือบสิบปีได้)แต่ก็พอจะบอกเรื่องราวของหนังสือได้บ้าง(มั้ง)




เนื้อหาบางส่วนภายในเล่ม





      เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อ โรเบิร์ท เค้าเกลียดคณิตศาสตร์ ความรู้สึกเกลียดนี้อาจจะเป็นผลมาจากครูสอนคณิตที่มีชีวิตประจำวันคือ สั่งการบ้านก่อนจะไปนั่งกินเพรทเซลของตัวเอง (ค่อนข้างใกล้เคียงครูสอนคณิตของป้ามาก) คืนหนึ่งเค้าได้พบกับชายชราร่างเล็กสีแดงที่บอกว่าตนเป็นปีศาจ หรือ ปีศาจตัวเลข โรเบิร์ทต้องผจญภัยเรื่องราวของคณิตศาสตร์ในฝันทั้งหมด 12 คืน แต่หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆต่อคณิต ความจริงใน 12 คืน เท่าที่ป้าจำได้ ก็จะสอนคณิตศาสตร์ที่เป็นพื้นฐาน โดยจะสอนแบบง่ายๆเพื่อให้เข้าใจ ความรู้สึกที่อ่านก็ประมาณว่า มันสงสัยแล้วหยุดอ่านไม่ได้อ่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?  คิดได้ไง?  หือ! ที่มามันเป็นอย่างนี้เหรอ?  ประมาณนั้น หรือก็คือ หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เข้าใจคณิตศาสตร์มากขึ้น เพิ่มความรู้สึกดีต่อคณิต นอกจากนั้นยังมีการแสดงเรื่องราวมิตรภาพของโรเบิร์ทกับปีศาจตัวเลข(ป้าจำชื่อไม่ได้ ความจริงเค้ามีชื่อจริงน๊า ขนาดโรเบิร์ทเพิ้งจะมารู้ในตอนท้ายๆเอง) โดยเฉพาะตอนคืนสุดท้าย ตอนที่ทั้งคู่ต้องแยกกัน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก(จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้) เหมือนประมาณว่าทั้งคู่มองกันและกัน ก่อนร่ำลาแบบปกติ ไม่ได้มีคำพูดพิเศษอะไร แต่แค่นี้ก็กินใจมากแล้วค่ะ ความรู้สึกที่มีให้กันมันมากมายจนเรียงเป็นถ้อยคำไม่ได้ อยากพูดอะไรที่พิเศษ สุดท้ายประโยคเหล่านั้นก็ถูกกลืนลงคอ



    จำได้แค่นี้ จีจีน๊า  

สรุปว่าบ้านใครมีเด็กน้อยที่ค่อนข้างรู้เรื่อง ป้าแนะนำให้เอาหนังสือแนวๆนี้ไปให้เค้าอ่าน ตอนนี้ป้าวางแผนว่าจะทำห้องสมุดในตัวบ้าน อยากรวบรวมหนังสือ ฝันนี้ยังอีกยาวไกล555 เพราะอยากให้เด็กเล็กๆอ่านหนังสือ อย่างน้อยการอ่านจะทำให้เค้ามีความคิดหลากหลายมากกว่า แล้วยิ่งในยุคต่อไป สื่อสิ่งต่างๆจะยั่วยุเด็กมากขึ้น ป้าเป็นห่วงเด็กๆหลานโคตรเลยข้อนี้่